วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีต่อราคาเวลาซื้อของ

วิธีต่อราคา ...แบบนักช้อปมืออาชีพไม่ว่าจะช็อปเมืองไทย หรือไปเมืองนอก หญิงไทยได้ชื่อว่าต่อราคาเก่งเสมอ "เท่าไหร่คะพี่…ลดหน่อยได้มั้ยคะ" ประโยคนี้ใครเป็นขาช็อป ย่อมคุ้นเคย เป็นอย่างดีจะลดมากหรือลดน้อยไม่ว่าขอให้ฉันได้ชื่อว่า ซื้อของถูกสักหน่อย เถอะนี่คือปรัชญาและความสุขอย่างหนึ่งของคนซื้อ แต่ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เพราะฉะนั้นอยากได้ของถูก ก็ต้องใช้เทคนิคกันหน่อย ว่ามั้ย!!

เช็คราคาหลายๆ ร้านเพื่อความชัวร์
เมื่อเกิดอาการถูกใจของเข้าชิ้นหนึ่ง อย่าเพิ่งใจร้อนเอ่ยปากต่อราคาทันที เราต้องไปสำรวจร้านอื่นๆในละแวกเดียวกันก่อน เพื่อเปรียบเทียบราคา ให้แน่ใจว่าของชิ้นนี้ราคาประมาณนี้จริงหรือเปล่า และอีกกรณีหนึ่งคือ ถ้าร้านไหนติดป้ายราคา ไว้ชัดเจน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เขาอาจตั้ง โอเวอร์ไว้เผื่อต่อแน่นอน

ตั้งราคาที่พอซื้อได้ไว้ในใจ แล้วค่อยลงมือต่อราคา
เมื่อเจอร้านที่คิดว่าราคาเข้าท่าที่สุดแล้ว ต้องดูด้วยว่า คนขายท่าทางใจดี และเป็นมิตร หรือเปล่า ถ้า โอเคก็เข้าไปดูอีกรอบ งัดประโยคคลาสสิค ออกมาถามนำคนขาย ก่อนเลยว่า "ลดได้เท่าไหร่คะ" แน่นอนตามสูตร คนขายมักลดให้ไม่เกิน 10 % ระหว่าง นั้นอย่าแสดงอาการว่าอยากได้จน ออกนอกหน้า เดี๋ยวคนขายรู้ไต๋ พยายามผูกมิตร ทำทีเป็นยิ้มแย้ม แล้วลองหยั่งเชิง ขอลดประมาณ 40 % ไปเลย ถ้ายังไม่ได้ก็ ต้องลองต่ออีกสักยก (ยกเว้นที่บาหลี ควรต่อเกินครึ่งเข้าไว้ แล้วสุดท้าย คุณจะได้ องในราคาลด 40-50%)

ครั้งแรกยังไม่ได้ ก็ทนใช้ลูกตื้ออีกหน่อย
ลองต่อลงมาอีกสัก 10 % อย่าพยายามต่อราคาแบบถ้วนๆ ต้องมีเศษบ้าง เช่น 20-60 บาท จะได้ดูเหมือนว่าไม่เยอะเกินไป เท่านั้นยังไม่พอ ควรพูดจาออดอ้อน หวานๆ กับคนขาย เข้าไว้ (โดยเฉพาะ ถ้าคนขายเป็นผู้ชาย) ถ้าเขาหรือเธอยังมีท่าทางใจแข็ง อาจจะบอกว่ามีเงินอยู่แค่นี้ เผื่อคนขายจะเกิดอาการสงสาร หรือไม่ก็พบกันครึ่ง ทาง ในราคาที่เราพอใจจะซื้อเป็นครั้งสุดท้าย

ถ้ายังไม่สำเร็จอีก คงต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา
ไม้ตายสุดท้ายที่ว่า อันนี้หลายคนใช้บ่อย คือ ไม่ซื้อก็ได้แล้วเดินออกจากร้านไป ซึ่งจากประสบการณ์ 80 % มักได้ผล (เพราะล่าสุดเพิ่งใช้วิธีนี้เหมือนกันค่ะ) แต่ถ้ายังไงๆ คนขายก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอม ลองไตร่ตรองดูว่าจำเป็นหรืออยาก ได้มากแค่ไหน ถ้ามากเราคงต้องเป็นฝ่ายใจอ่อนเสียเอง แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็เก็บเงินไว้ ยังมีอีกตั้งหลายร้าน ที่อาจมีสินค้าคุณภาพที่ดีกว่าและถูกกว่าก็ได้ หรืออดใจรออีกสักพัก สุดท้ายถ้าไม่มีใครซื้อเขาก็ต้องเอาออกมาเซลล์วันยังค่ำ การซื้อของบางครั้งต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง อยากให้เขาลดราคาก็ต้อง รู้จักกติกาและมารยาท มาดูว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง

อาจจะมีคนขายบางประเภทที่เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่สามารถลด ให้เราได้จริงๆ เราก็อย่าไปโกรธ ต่อว่าต่อขาน หรือทำท่าเชิดใส่เขา กิริยาแบบนี้จะยิ่ง ทำให้เขา ลำบากใจ สู้เดินออกมาเฉยๆ แล้วไปหาร้านอื่น จะดูดีกว่าเยอะเลย

เวลาเดินเลือกของ ไม่ซื้อไม่ว่าแต่อย่าแสดงกิริยาเหมือนกับว่า ของก็งั้นๆ ไม่เห็นจะอยากได้เลย แทนที่คนขายจะเข้ามา โอภาปราศัยหรือ ลดราคาให้ กลับกลายเป็นอยากจะไล่ออกจากร้านเสียมากว่า

อย่าทำทีอวดรู้และเถียงกับคนขายว่า คุณรู้นะว่าของชิ้นนี้ราคาต้นทุน มาเท่าไหร่ ถ้าลดให้คุณในราคาที่คุณเสนอไป คนขายก็ยังได้กำไรอยู่ดี แบบนี้คงไม่ไหวเพราะวันๆ หนึ่งเขาคงต้องเจอกับลูกค้าที่ต่อแล้ว ต่ออีกแบบคุณนับไม่ถ้วน แล้วจะเอากำไรที่ไหนมาเหลือ

เมื่อเริ่มเอ่ยปากต่อราคา อย่าให้ต่ำมาจนน่าเกลียด เช่น ต่อเกินครึ่ง แบบนี้ก็โหดไปหน่อย ควรหยั่งเชิงต่อให้ใกล้กับราคาที่เรา พอใจ จะซื้อได้ก่อน แล้วค่อยๆ ตะล่อมคนขาย ให้ใจอ่อน ยอมลดให้ ถึงที่สุดดีกว่า และถ้าไม่ได้จริงๆ ก็อย่าพยายามตื้อมาก ให้พบกัน ครึ่งทางจะได้สบายใจ ทั้งคนซื้อและคนขาย

อย่าทำเหมือนกับว่าการต่อราคาเป็นเรื่องสนุก ต้องเอาชนะคนขายให้ได้ ยิ่งได้ของถูกเท่าไหร่ ยิ่งภูมิใจ ในขณะเดียวกันคนขายคงไม่สนุกด้วย

อย่าขี้เหนียวเกินเหตุ เพราะบางคนอาจจะมีฐานะทางเศรษฐกิจ ที่ค่อนข้างดี ใช้จ่ายไม่ขัดสน ถ้าไปเจอของซึ่งราคาจริงก็ถูกมากอยู่แล้ว เช่นว่าอาจจะ ไม่ถึง 50 หรือ 100 บาท ถ้าของชิ้นนั้นคุณภาพสมราคา ซื้อได้ก็ซื้อไปเถอะ อย่าไปต่อให้เหนื่อยเลย 

ทาเล็บยังไงให้สวย

เทคนิคการทาเล็บให้สวยเนียน

สาวๆที่รักสวยรักงามชอบทาเล็บ ดูแลเล็บฟังทางนี้ค่ะ เรามีวิธีที่ทาเล็บให้สวยงามเรียบเนียนมาฝากกันจ้า 1.ก่อนจะทาเล็บควรแช่มือในอ่างน้ำที่บีบมะนาวหรือน้ำส้มไว้ซักเล็กน้อยแช่ทิ้งไว้สักครู่ จะช่วยให้เล็บนิ่ม และมือนุ่มขึ้น 2.การใช้น้ำยาลองพื้นเล็บทาเป็นชั้นแรกก็ถือว่าเป็นการดูแลเล็บที่ดีนะคะเพราะเวลาทาเล็บสีเข้มๆ เช่น แดงสด เล็บมักจะเหลืองง่าย ถ้าลองพื้นไว้ จะช่วยบรรเทาได้ค่ะ 3.ขณะที่ทาเล็บ ไม่ควรจะป้ายเกิน 3 ครั้ง เพราะสีจะจับก้อนไม่เรียบเสมอกัน 4.อย่าลงสีเล็บเกิน 2 ชั้นเพราะว่าจะแลดูหนาไปไม่สวยเลยค่ะ 5.ควรทาน้ำยาเคลือบเล็บหลังจากทาสีเสร็จแล้ว เพราะจะช่วยให้สีเงางามและป้องกันสีจางจากแสงแดดอีกด้วย 6.หากยาทาเล็บของคุณระเหยจนข้นเหนียว ให้หยดทินเนอร์ลงซักเล็กน้อย เขย่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน ก็ใช้ทาต่อได้แล้วค่ะ 7.ควรเก็บยาทาเล็บไว้ในที่เย็น ห่างไกลแสงแดดและปิดฝาให้สนิทกันระเหยหรือจะเก็บในตู้เย็นเลยก็ได้ 8.การเลือกยาทาเล็บ ควรดูส่วนผสมด้วย ยาล้างเล็บที่ดีไม่ควรมีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวทำให้ผิวเล็บแห้งและหักเปราะง่าย

สีผมที่เหมาะสีผิว

เบื่อกับผมสีเดิมๆ ที่ไร้ความโดดเด่น ขาดชีวิตชีวา สีเข้มจัดหรืออ่อนสว่างจนเกินไป อยากจะเปลี่ยนสีสันให้สวยในแบบแตกต่างและอินเทรนด์ ว่ากันว่าสีผมที่กำลังมาแรงและฮิตสุดๆของสาวๆ ทั่วโลกที่เหล่าบรรดาแฮร์ สไตลิสท์ชื่อดังทั้งหลายต่างแนะนำกันก็คือ โทนสีบรูเน็ต หรือโทนสีบลอนด์เข้มนั่นเอง
โทนสีบรูเน็ตนี้ว่ากันไปแล้วเหมาะกับสาวไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยากเปรี้ยวแบบเปรี้ยงปร้างควรเกาะติดกระแสความร้อนแรงของการทำผมสีบรูเน็ตกันโดยด่วน เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน วงการอะไร คุณก็จะเห็นดารา นักร้อง นางแบบออกมาทำสวยด้วยผมสีบรูเน็ตกันเป็นทิวแถว แต่ไม่ต้องกังวลไปสำหรับสาวที่กลัวว่าผิวสีของคุณจะไม่เข้ากับผมสีบรูเน็ต เพราะไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอะไรจะผิวทองแดง ผิวขาว ผิวเหลือง ก็สามารถทำสีโทนบรูเน็ตได้
ลองมาเช็คกันก่อนซิว่าผิวสีของคุณเหมาะกับผมสีบรูเน็ตหรือไม่? 
สาวผิวขาวอมชมพู (Fair Skin Tones)
1. ถ้าคุณสาวๆ ยังไม่แน่ใจว่าผิวพรรณของตนเองนั้นเข้าข่ายเป็นสาวผิวขาวอมชมพูหรือเปล่า ให้ช่างทำสีผมเป็นคนตัดสินใจแทนคุณดีกว่าว่าคุณเป็นสาวผิวสีประเภทไหนกันแน่

2. สาวผิวขาวอมชมพูเข้ากันได้ดีกับผมสีบรูเน็ตเฉดน้ำตาลอุ่น ผมโทนนี้จะช่วยสร้างกรอบให้ใบหน้าและช่วยปรับให้ใบหน้าดูอ่อนโยนขึ้น
3. โทนสีน้ำตาลอุ่นนั้นมีมากมายให้เลือกหลายเฉด ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลน้ำผึ้ง สีน้ำตาลทองแดง หรือแม้แต่สีน้ำตาลมะฮอกกานีที่จะช่วยทำให้ใบหน้าไม่ดูจืดชืดจนเกินไป และช่วยขับให้ผิวนวลกระจ่างดูมีสีเลือดฝาด
4. หลีกเลี่ยงเฉดสีบรูเน็ตที่มีสีค่อนข้างเข้ม เพราะจะยิ่งทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆ ดูซูบซีดเหมือนถูกท่านเคาท์แดร็กคูล่าดูดเลือดได้
5. สีที่จะทำไฮไลท์ให้ผมโทนสีบรูเน็ตดูโดดเด่นได้ ต้องเป็นสีทองบลอนด์หรือสีทองแดงอ่อนๆ เท่านั้น
6. ถ้าคุณวางแผนจะเปลี่ยนสีผมเองที่บ้าน พยายามเลือกซื้อสีบรูเน็ตโทนอุ่น เฉดน้ำตาลทองแดง หรือน้ำตาลมะฮอกกานีให้ได้ อย่าคิดที่จะพยายามผสมสีขึ้นเอง หากคุณหาซื้อสีที่คุณต้องการไม่ได้

สาวผิวเหลือง (Medium Skin Tone)
1. ถ้าไม่แน่ใจในผิวสีของตัวเองว่าจะทำผมสีบรูเน็ตโทนไหนได้สวยสะเด็ดยาด ให้เดินไปถามที่ร้านทำผมที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมประจำอยู่ คุณจะได้คำตอบที่ถูกใจและมั่นใจแบบสุดๆ

2. ผิวสีขาวเหลืองเหมาะเหม็งแบบสุดๆ กับผมสีบรูเน็ตเฉดเชสนัท จำไว้ให้ดี
3. ถ้าไม่อยากทำสีผมโทนเดียวโดดๆ ดูเชยจนเกินไป มามิกซ์แอนด์แมทช์จับคู่สีทำไฮไลท์ให้เส้นผมสีน้ำตาลเชสนัทกันด้วยสีไฮไลท์แบบสีทอง รวมไปถึงสีทองเหลืองก็ดูเข้ากันดีอย่าบอกใคร
4. ถ้าคุณมีปัญหากังวลใจว่าผมสีบรูเน็ตที่ช่างทำสีผมเลือกให้จะไม่ถูกใจ ลองตัดภาพนางแบบที่มีโทนสีผมที่คุณต้องการไปให้ช่างทำสีผมพิจารณาถึงความเป็นไปได้ดู จะได้ถูกใจทั้งเจ้าของเส้นผมและช่างทำสีผม
5. หากคุณเลือกที่จะทำสีผมเองที่บ้าน ลองมองหาผลิตภัณฑ์ทำสีผมโทนน้ำตาลทองปานกลาง หรือสีน้ำตาลเชสนัท หากเลือกสีที่ผิดเพี้ยนไปจากนี้ เช่น สีโทนอ่อนกว่านี้ผิวคุณจะดูคล้ำขึ้นแต่หากเลือกสีที่เข้มกว่านี้ผิวคุณจะขาวซีดจนเกินงาม

สาวผิวเข้ม (Dark Skin Tone) 1. สาวผิวเข้มทั้งหลายอย่าน้อยใจว่าจะไม่เข้ากับผมสีบรูเน็ต รู้ไหมว่าสาวผิวเข้มเหมาะมากกับผมสีน้ำตาลแท้ที่เรียกว่าน้ำตาลบริสุทธิ์ไม่ต้องมีสีอะไรมาเจือปนเลย
2. โทนสีบรูเน็ตที่เข้มกว่าสีน้ำตาลโดยทั่วไปก็เข้ากันได้กับสาวผิวสีเข้มเช่นกัน ลองคิดถึงเนื้อไม้สีน้ำตาลเข้มว่าให้ความรู้สึกอบอุ่นขนาดไหน
3. สีน้ำตาลเซเบิลกับสีน้ำตาลช็อกโกแลตก็เหมาะกับสาวผิวนี้เช่นกัน สีสองเฉดนี้จะช่วยขับให้ผิวเข้มๆ ของคุณดำไม่ด้านทึบ แต่จะช่วยขับให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้
4. เพิ่มความเป็นไปได้ในการเล่นสีกับผมให้สนุกยิ่งขึ้น ด้วยการเติมสีทองเหลืองเป็นไฮไลท์ลงไปตามช่อผม จะช่วยให้ผมดูมีมิติและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
5. สาวผิวเข้มพึงระวังกับการใช้สีโทนบรูเน็ตที่อ่อนจนเกินไป เพราะผมสีอ่อนมากจะทำให้ผิวของคุณดูเข้มมากว่าความเป็นจริง ไม่อยากกลายเป็นสาวผิวดำสนิท อย่าริทำผมสีบรูเน็ตเฉดอ่อนเด็ดขาด

วิธีการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับรูปร่าง



เคล็ดลับการเลือกเสื้อผ้า
ให้เหมาะกับรูปร่างและสีผิว

แต่งตัว เสื้อผ้า


-         เส้น และ สี จะช่วยหลอกตาได้  สีอ่อนจะให้ความรู้สึกกว้าง ส่วนสีเข้มจะให้ความรู้สึกแคบ ลายขวางจะทำให้ดูกว้าง และลายดิ่งจะทำให้ดูสูงขึ้น

-         ถ้าผู้หญิงที่มีช่วงอกใหญ่ ถ้าใส่เสื้อเชิ้ตให้แก้ไขโดยการปลดกระดุมเสื้อให้ลึก แต่ไม่โป๊ เพื่อเผยให้เห็นผิวเยอะที่สุด อาจสวมเสื้อแจ็กเก็ตคลุมทับอีกชั้นก็ได้

-         ส่วนสาวช่วงอกเล็ก ให้เลือกเสื้อที่มีระบายตรงหน้าอก หรือ แบบจีบรูด ควรเลือกที่มีเนื้อผ้าหนา ไม่ควรเลือกผ้าสแปนเด็กซ์ หรือ ชีฟอง เพราะจะยิ่งทำให้ดูแบนราบยิ่งขึ้น

-         ส่วนสาวสะโพกใหญ่-ไหล่เล็ก ให้แก้ไขโดยการเลือกสวมเสื้อที่จีบระบาย หรือจีบรูด หรือจะเลือกลายเสื้อแบบที่มีลายทะแยงขึ้นเพื่อช่วยหลอกตาให้ดูไหล่กว้างขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าสาวไหล่กว้างกว่าสะโพก ให้เลือกสวมกระโปรงทรงบอลลูน หรือจับจีบให้พองๆ เพื่อให้ดูสมดุลยิ่งขึ้น

เสาวรีย์

 สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค้ะเป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับบางคนคงจะยุ่งกับการทำงานประจำวันอย่างหนักและบางคนก็คงกำลังทุ่มเทกับการอ่านหนังสืออยู่ถึงยังไงก็แล้วแต่ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคน สู้ สู้! และวันนี้จะพาไปเดินช้อปปิ้งใจกลางเมืองหลวงกัน เป็นจุดที่จะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของรถโดยสารเลยก็ว่าได้ไม่ว่ารถโดยสารสายไหนๆก็ตามก็ย่อมจะผ่านจุดๆนี้จะเป็นที่ไหนนั้นลองมาติดตามดูนะค่ะ

ถึงแล้วเสาวรีย์จ๋า ^^

สำหรับสถานที่แห่งนี้ก็คืออนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นอนุเสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่างถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี และถนนพญาไทซึ่งบริเวณโดยรอบอยู่เสาวรีย์นั้นจะเรียกได้ว่าเป็นตลาดนัดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้เนื่องจากจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาวางสินค้าขายเป็นจำนวนมากอีกทั้งที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นจุดที่รถเมล์จะมาจอดรับผู้โดยสารและเป็นแหล่งในการต่อรถหรือเปลี่ยนสายรถประจำทางกันที่นี่ จึงทำให้คนใช้เวลาจับจ่ายใช้สอยกันไปในตัว ซึ่งสินค้าก็จะมีมากมายหลากหลายชนิดมากมาย อาทิเช่น เสื้อผ้า รองเท้า อาหาร งานฝีมือ สินค้าโรงงาน เป็นต้น เมื่อพูดถึงราคาสินค้าก็มีราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไปไม่เกินไปกว่ากำลังซื้อแน่นอน ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีโอกาสแวะไปอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิลองเดินดูสินค้าดูนะค่ะรับรองว่าเดินรอบอนุเสาวรีย์สักรอบได้ของติดไม้ติดมือเพียบ และอีกอย่างคงได้เหงื่อกันพอสมควรเลยหล่ะ ^^”





         สิ่งที่อยากนำเสนอนั้นสำหรับอนุเสาวรีย์แล้วจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือการเดินทาง(Place)ไม่ว่ารถโดยสารสายไหนๆก็มักจะผ่านที่แห่งนี้ มีสินค้า(Product)มากมายหลากหลายชนิด ราคา(Price)สินค้าไม่แพงมาก สำหรับอนุเสาวรีย์แห่งนี้ต้องบอกว่าขาช้อปปิ้งตัวจริงพลาดไม่ได้เลยหล่ะค๊าาาา 



แพลทตินัม


แพลทตินั่ม  แหล่งศูนย์รวมของเสื้อผ้า แฟชั่น นานาชนิดที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอาจจะไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน

มีทั้งกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณจะหามาได้ 
รวมอยู่ในที่นี้ ที่ "แพลทตินัม"  แล้วคะ
เสื้อผ้าสวยๆทั้งน้านนนน  อยากได้อยากซื้อ

สีเจ็บมาก รองเท้าเซ็ทนี้

น่ารักใช่ไม๊หล่ะ สร้อยข้อมืออันนี้

กระเป๋าราคาก้ถู้ก ถูก !!!


การเดินทางไปแพลทตินั่ม 

ถ้านั่งบีทีเอสลงชิดลมก็เดินได้นะคะ ไกลหน่อย 

ถ้าจะนั่งรถก็นั่งรถสาย 511 หรือ สาย 2 จากตรงข้ามเซ็นทรัลชิดลมก็ได้ค่ะป้ายรถเมล์ที่จอดรับจะอยู่ด้านย้อนขึ้นมาทางเพลินจิตนะคะถ้าป้ายตรงตึกอัมรินทร์รถเค้าไม่จอดรับนั่งไปลงหน้าแพลตตินั่มเลยค่ะ ^^

ยูเนี่ยน มอลล์

เอ่ยชื่อ ยูเนี่ยน มอลล์ ขึ้นมาหลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าอยู่ที่ไหน ทั้งที่เคยผ่านไปมาบ่อยๆ และห้างที่อยู่ใกล้ๆ ก็แสนจะโด่งดัง ถึงตอนนี้นึกออกกันหรือยัง...
ยูเนี่ยน มอลล์ อยู่ตรงปากทางลาดพร้าว เยื้องๆ กับ ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว นั่นเอง แต่ ยูเนี่ยน มอลล์ ไม่มีส่วนดีพาร์ทเมนต์สโตร์ มีแต่ร้านค้าเล็กๆ ในแต่ละชั้นเท่านั้น


ขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินก็ถึงเลย




ปัจจุบัน ยูเนี่ยน มอลล์ ยังไม่เปิดเต็มพื้นที่ แต่ก็มีร้านให้ช้อปเยอะพอสมควร โดยชั้นล่างเน้นร้านอาหารเป็นหลัก ชั้น 1 และ 2 มีร้านค้าต่างๆ เน้นสินค้าวัยรุ่น มีร้านฟาสต์ฟู้ดเหมือนศูนย์การค้าอื่นๆ ทั่วไป 


ที่น่าทึ่งคือชั้น 3 ครับ เพราะมีธนาคารอยู่หลายแห่ง มีโซนไอที ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีโซนพระเครื่อง ร้านหนังสือเก่า และยังมีโซนเครื่องเล่นสำหรับวัยรุ่นรวมอยู่ในชั้นนี้ด้วย


หากไปแถวนั้นก็อย่าลืมแวะเข้าไปที่ ยูเนี่ยน มอลล์ ดูบ้างนะครับ อาจถูกใจกับสินค้าแปลกๆ ซึ่งบางอย่างไม่เคยเห็นมีขายที่ไหนมาก่อน ส่วนคนที่อยากเปิดร้านขายของในห้างก็ลองแวะไปดูทำเลได้ เห็นมีร้านว่างหลายร้าน ไม่แน่ว่าต่อไปที่นี่อาจเป็นทำเลทองอย่างฝั่งตรงข้ามก็ได้


วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วังหลัง




เมื่อเอ่ยถึง "วังหลัง" แหล่งช้อปของเหล่าเด็กแนว พอเอ่ยชื่อนี้ทุกคนร้องอ๋อแทบจะทุกราย (ใครไม่ Get แล้วล่ะก็ Out มั่กมาก)...
ซึ่งชื่อ วังหลัง นั้นเรียกตามตามตำแหน่งของ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศน์ (พระนามเดิมคือ ทองอิน) ซึ่งทรงดำรงตำแหน่ง กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ กรมพระราชวังหลัง 






แต่เดิมนั้นเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกของไทย ชี่อ โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (หรือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยในปัจจุบัน) วังหลังในวันนี้เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราชที่เราทราบกันดีนั่นเอง เอาล่ะค่ะเมื่อทราบความเป็นมากันโดยสังเขปแล้วก็ไปตะลุยกันต่อเลย ลงจากรถมาได้ยังไม่ทันจะข้ามฝั่ง (ตอนนี้อยู่แถวหน้าธรรมศาสตร์หรืออีกชื่อก็คือ วังหน้า) ก็ต้องจอดแวะร้านขนมที่อยู่หน้าธรรมศาสตร์ กันซักหน่อย เพราะกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆหอมหวนชวนน้ำลายสอที่โชยออกมาจากร้านนามว่า อร่อย ที่ชวนให้แวะจอดจนอดใจไม่ไหวจริงๆ ซึ่งก็อร่อยสมชื่อนั่นแหละ ที่นี่ขนมปังกรอบอบกระเทียมเค้าขึ้นชื่อ เดินไปอีกนิดก็จะเจอร้านขายเสื้อผ้า กระเป๋า และของใช้กิ๊ฟเก๋ สีสันเจ็บจี๊ดๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของ hand made ที่ผู้ทำนำมาวางขายเอง 


ของละลานตาไปหมดเล้ยย  O_O


เอิ่มม .. เยอะไปไหม -*-



เมื่อข้ามฟากมาได้แล้ว (เฮ้อ! กว่าจะหลุดออกมาได้) ก็ลุยกันต่อเลย ซึ่งผู้คนยังไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่ เพราะยังไม่ถึงช่วงบ่ายกำลังเดินสบายๆ สองข้างทางมีร้านขายของน่ารักๆมากมาย สนนราคาก็มีตั้งแต่หลักสิบไปถึงหลักร้อยกว่า ๆ แต่สินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ ของมือสองคุณภาพดี โดยเฉพาะรองเท้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ซึ่งได้รับความนิยมจากเหล่าวัยรุ่นนักแล ราคาก็มีตั้งแต่ 100-500 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพและแบบ นอกจากนั้นก็ยังมีกางเกง กระเป๋า เสื้อกันหนาว ให้ได้เลือกกันด้วย เดินมาได้ซักพักก็ชักจะหิวขึ้นมา ประจวบเหมาะกับผ่านหน้าร้าน น้ำตกสีดา เลยเข้าไปนั่งโซ้ยกันด้วยความหิวโหย ร้านนี้เค้าบริการอาหารรสแซ่บมีตั้งแต่ ไก่ย่าง ส้มตำ (หลากหลายสายพันธุ์) คอหมูย่าง ยำสามกรอบ น้ำตก ฯลฯ จานเด็ดของร้านก็คือ เสือร้องไห้ (เป็นเนื้อย่าง) กินแล้วก็หายเหนื่อยเลยทีเดียว พละกำลังฟื้นคืนแล้วก็ออกเดินกันต่อ สินค้าส่วนใหญ่ที่นำมาวางขายมีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์กันจริงๆ พวกของใช้เครื่องครัวภายในบ้านก็มี ซึ่งราคาจะถูกกว่าด้วย ส่วนของกินก็ละลานตาไม่รู้ว่าจะเลือกกินอันไหนดีเพราะหน้าตาน่าทานทุกอย่างเลย รู้ตัวอีกทีข้าวของที่หอบหิ้วอยู่ก็เพียบแล้ว เป็นอันรู้กันว่าได้เวลาเดินทางกลับนั่นเอง อ้อ! ที่สำคัญประหยัดเงินในกระเป๋ากว่าเดินซื้อของตามห้างเยอะเลย ใครอยากจะสัมผัสบรรยากาศทั้งหมดที่เล่ามาแล้วล่ะก็ หาเวลาลองไปเดินดูได้นะค่ะ ตลาดวังหลังเปิดให้เข้าไปจับจ่ายกันได้ทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แต่ทุกวันพุธของจะเยอะเป็นพิเศษ การเดินทางค่าโดยสารเรือข้ามฝากอยู่ที่ 3.50 บาท เส้นทางที่รถเมล์ผ่านฝั่งธรรมศาสตร์ ก็ได้แก่ 32, 59, 203, 503 หรือสายที่ผ่านโรงพยาบาลศิริราช เช่น 57, 149, 146, 19, 81, 91 เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สยามสแควร์

วันนี้เราจะพาไปดูแหล่งช้อปปิ้ง ที่สยามสแควร์กันนะค่ะ  สถานที่นี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีวัยรุ่นมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อของกันมากมาย และเป็นแหล่งศูนย์รวมแฟชั่นใหม่ ต้องมาอัพเดทและอินเทรน กันที่นี่ได้เลยคร่า



Digital Gate way แหล่งช็อปปิ้่งแห่งใหม่ที่สยามสแควร์



ตลาดละลายทรัพย์

วันนี้พาไปช๊อบปิ้ง ที่ถนนสีลมซอย 5 หรือ อีกชื่อ "ซอยละลายทรัพย์" ในซอยนี้มีของให้จับจ่ายซื้อสอยกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ขนม ผลไม้ ฯลฯ ถ้าไปช่วงพักกลางวันคนก็จะเยอะหน่อย จะเป็นพวกหนุ่มสาวออฟฟิศแถวๆ นั้น มาช๊อบปิ้งกัน


ข้อแนะนำ
ไปที่นี่ระมัดระวังกระเป๋าสตางค์กันนิดนึง เพราะมีการกรีดกระเป๋าเยอะ (เป็นห่วงนะคะ ^^)
อีกอย่างโปรดเตรียมเงินในกระเป๋าให้พร้อม เพราะมีของให้ช๊อบเยอะม๊ากกกก (ว่าจะไม่ซื้อๆ กะแค่ไปถ่ายรูปมารีวิวให้เพื่อนๆ ดู แต่แหม...ไปแล้วก็อดไม่ได้ โดนไปเหมือนกัน อิอิ)


การเดินทาง
แบบง่ายที่สุดก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีศาลาแดง แล้วเดินขึ้นไปเรื่อยๆ (ระหว่างทางก็จะมีของให้ชมให้ช๊อบตลอดทาง) จนถึงธนาคารกรุงเทพ ก็จะเป็นสีลมซอย 5 แล้วค่ะ สังเกตุง่ายๆ จะมีเซเว่นอยู่ปากซอยเลยค่ะ




สีลมซอย 5 ก็ถึงแล้วจร้าๆๆๆ


บรรยากาศครึกครื้น คนเยอะแยะเลย ^^



ของน่าซื้อทั้งนั้น หมดตัวแน่ๆ 55